40 ปีโครงการหลวง
โครงการหลวงเป็นโครงการแรกๆในพระ ราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 ดังนั้น ในปี 2552 หรือปีนี้ จึงเป็นปีที่ 40
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม อีก 8 วันจากนี้ไป จะมีการจัดงาน "โครงการหลวง 40" เพื่อเฉลิมฉลอง การครบรอบ 40 ปี ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ โดยจะมีงานถึง 7 วัน และจะมีสินค้าจากผลิตภัณฑ์ในโครงการหลวงมาจำหน่ายกว่า 3,000 รายการ
ทีมงานซอกแซกขออนุญาตร่วมฉลองโครงการนี้ด้วย และขออนุญาตทำหน้าที่บอกเล่าเก้าสิบถึงที่มาที่ไปของโครงการ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเป็นความรู้รอบตัวก่อนไปเที่ยวงาน
ในเอกสารสรุปของมูลนิธิโครงการหลวงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โครงการหลวงอยู่ในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาก่อน 40 ปี ที่เรา จะฉลองกันด้วยซ้ำ
เริ่มจาก พ.ศ.2507 ที่พระองค์ท่านได้เสด็จแปร พระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ และได้เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่กันดารต่างๆของจังหวัด เชียงใหม่และภาคเหนือไม่เว้นแต่ละวัน ได้ทอดพระเนตรเห็นการทำลายป่าตามยอดเขา เพื่อปลูกฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอยของชาวไทยภูเขา เผ่าต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการผิดกฎหมายแล้ว ยัง เป็นการทำลายป่าไม้ต้นน้ำลำธารในทางอ้อมอีกด้วย
ในห้วงเวลาดังกล่าว แม้ จอมพลสฤษดิ์ ธนะ- รัชต์ ได้สั่งปิดโรงยาฝิ่นและห้ามสูบฝิ่นทั่วประเทศมาตั้งแต่ พ.ศ.2502 แต่ก็ยังมีการลักลอบสูบและ มีการเปลี่ยนพฤติกรรมจากการสูบฝิ่นเป็นสูบเฮโรอีน ซึ่งก็ทำจากฝิ่นนั่นเอง
ทำให้ชาวเขาก็ยังคงลักลอบปลูกอยู่เป็นประจำ เพราะแม้จะเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย แต่ก็มี รายได้ที่ดีจากผลผลิตของฝิ่นที่ปลูกไว้
เมื่อทรงทราบความจริงเช่นนี้ จึงทรงมีพระราชดำริว่า ควรจะหาพืชที่สามารถปลูกได้บนภูเขา และมีราคาดีไม่แพ้การปลูกฝิ่นมาส่งเสริมแก่ชาวเขา จึงจะสามารถขจัดการลักลอบปลูกฝิ่นลงได้
ขณะเดียวกัน เมื่อสามารถปลูกพืชเหล่านี้ได้ อย่างถาวร ชาวไทยภูเขาก็จะไม่ต้องโยกย้ายไปตัดไม้ ทำลายป่าในที่ใหม่ อันจะทำให้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และทำลายต้นน้ำลดน้อยลง
จึงมีพระราชวินิจฉัยให้ทรงตั้งสถานีวิจัย เพื่อ ทดลองปลูกพืชฤดูหนาวและพืชบนที่สูงขึ้นในปี 2512 ณ บริเวณ "ดอยอ่างขาง" จังหวัดเชียงใหม่ อันถือเป็นการริเริ่มงานโครงการหลวงอย่างจริงจังเป็น ชิ้นแรก
ต่อมาในปี 2513 ได้มีการจัดอบรมวิชาเกษตรบนพื้นที่สูงแก่ชาวเขาจากหมู่บ้าน 17 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่และน่าน โดยอาสาสมัครที่ประกอบด้วยคณาจารย์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้านเกษตรจากกรมกองที่เกี่ยวข้อง
หลังจบหลักสูตรการอบรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเลี้ยง ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และพระราชทานมีด ตลอดจนเครื่องมือ ติดตาต่อกิ่ง แก่ชาวไทยภูเขาที่เข้าอบรมโดยทั่วหน้า
ซึ่งชาวไทยภูเขาแต่ละคนก็ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน คนละ 1 บาท ตามธรรมเนียมไทย เมื่อได้รับของมีคมหรืออาวุธ
นี่คือจุดเริ่มต้นในภาค ปฏิบัติของ โครงการหลวง เมื่อชาวไทยภูเขาได้แยกย้ายกันกลับท้องถิ่น และได้นำวิชาความรู้ ตลอดจนพันธุ์พืชที่ได้รับแจกกลับไปปลูก เพื่อเป็นรายได้ของครอบครัว
จนในที่สุดการปลูกฝิ่นก็หายไปจากประเทศไทย และบนยอดเขาสูงภาคเหนือของประเทศไทย ก็กลายเป็นแหล่งปลูกพืชผักเมืองหนาวมากมายหลายชนิด
ชาวไทยภูเขาเมื่อมีอาชีพที่จีรังยั่งยืนก็หยุดการเคลื่อนย้าย หยุดการทำลายป่า ต้นน้ำลำธารลงไป อย่างเห็นได้ชัด
โครงการหลวงเจริญเติบโตมาเป็นลำดับ จน ถึงปี 2535 จึงได้จดทะเบียนเป็น มูลนิธิโครงการหลวง ขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมของเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครจากหน่วยราชการ และภาคเอกชน รวมทั้งหน่วยอิสระ ตลอดจนหน่วยงานจากต่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือ ทำให้โครงการหลวงเดินหน้าต่อไปอย่างเป็นระบบ และยั่งยืนมาตราบเท่าทุกวันนี้
ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงมิใช่จะมีเฉพาะของสดๆเท่านั้น ยังมีการแปรรูป มีการถนอมอาหารและบรรจุในหีบห่อที่สวยงามและเก็บไว้ได้นาน
ดังนั้น ในงานครบรอบ 40 ปี โครงการหลวงที่จะจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจึงกำหนดธีม หรือเค้าโครงของงานเอาไว้ในแนวทางที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์โครงการหลวงให้เป็นสินค้าในระดับสากลในโอกาสต่อไป
หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Royal Project Go to Global" ตามที่ได้มีการแถลงข่าวเอาไว้
การเลือกเซ็นทรัลเวิลด์ก็นับเป็นจุดเหมาะสมเพราะอยู่ในท่ามกลางโรงแรมชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวระดับรายได้สูงมาพักจำนวนมาก
โอกาสที่จะเผยแพร่ผลิตภัณฑ์โครงการหลวงออกไปสู่นานาชาติจึงมีมากขึ้น ประกอบกับในงานจะมีสินค้าจากโครงการพระราชดำริอื่นๆมาร่วมด้วย เช่น ร้านจิตรลดา, ร้านศิลปาชีพ 904, ร้านภูฟ้า, มูลนิธิสายใจไทย และ ฯลฯ ก็จะทำให้มีผลิตภัณฑ์ ที่หลากหลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ในส่วนของผลิตภัณฑ์สดๆ เท่าที่แถลงไว้ ก็มีพืชในน้ำเชื่อมสดๆจากไร่ ชาจากยอดดอยชนิดต่างๆ ผักสด, ผลไม้เมืองหนาว, พืชสมุนไพรหายาก และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เช่น เห็ดแชมปิญองในน้ำเชื่อม, สตรอเบอร์รี่แห้ง, ท้อแช่น้ำผึ้ง, แยมสาลี่, ลูกอมพลัม เป็นต้น
เหนืออื่นใด สำหรับท่านที่ชอบความงามจากดอกไม้ ขอบอกว่าจะมีดอกไม้เมืองหนาวกว่า 100 สายพันธุ์มาให้เลือกชม และอย่าลืมไปชม "ทุ่งดอกไฮเดรนเยียร์สีฟ้า" อันสุดตระการครั้งแรกใจ กลางกรุงเทพฯ
ทั้งหมดนี้รวบรวมและเรียบเรียงจากงานแถลง ข่าวเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ทีมงานซอกแซกจดมาฝาก ส่วนในวันงานจริงๆจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหมือน ที่ประชาสัมพันธ์หรือไม่คงต้องไปพิสูจน์กัน
10-16 สิงหาคมนี้ กรุณาจดลงสมุดบันทึกหรือขีดเขียนไว้ในปฏิทินของท่านด้วยว่า ท่านมีนัดกับงาน "40 ปี โครงการหลวง" ที่เซ็นทรัลเวิลด์
เพื่อไปให้กำลังใจผลิตภัณฑ์โครงการหลวงที่กำลังจะโกอินเตอร์ และไปอุดหนุนสินค้าโครงการหลวงตลอดจนโครงการในพระราชดำริอื่นๆ
รวมทั้งไปเพื่อรำลึกถึงพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า รวมทั้งชาวไทยภูเขาที่ยากจนและเคยเดินผิดทาง
จะหาพระเจ้าแผ่นดินองค์ใดในโลกนี้เสมอ เหมือนพระเจ้าอยู่หัวของเรา เห็นจะไม่มีอีกแล้ว.
"ซูม"
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.familynetwork.or.th
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://icann-ncuc.ning.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.webmaster.or.th
http://www.thailandshowtime.com/2009
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น