ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

"หมอบรรลุ"แถลงผลสอบไทยเข้มแข็งจี้4นักการเมือง-8ขรก.รับผิดชอบส่อโกง "วิทยา-มานิต-แม่เลี้ยงติ๊ก-กฤษดา"

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เวลา 19:22:21 น.  มติชนออนไลน์

"หมอบรรลุ"แถลงผลสอบไทยเข้มแข็งจี้4นักการเมือง-8ขรก.รับผิดชอบส่อโกง "วิทยา-มานิต-แม่เลี้ยงติ๊ก-กฤษดา"


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.บรรลุ ศิริพานิช ในฐานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และกรรมการ ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.  และมอบหลักฐาน จำนวน 4,733 แผ่น ให้นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้กรรมการตรวจสอบฯ หลังใช้เวลาสอบสวนนานร่วม 2 เดือน


จาก นั้นเวลา 14.20 น. นพ.บรรลุ ได้เปิดแถลงข่าวรายงานผลการตรวจสอบให้สื่อมวลชนรับทราบ โดยนพ.บรรลุ แถลงว่า ผลการสอบสวนโดยภาพรวมพบว่า การจัดตั้งงบประมาณ มีพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า “ส่อไปในทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตจริง” ที่น่าจะยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม ได้แก่ การขอตั้งงบประมาณทั้งสิ่งก่อสร้าง  ครุภัณฑ์การแพทย์  และรถพยาบาล  มีความผิดพลาดมากมาย  การกระจายตัวไม่ถูกต้อง  ไม่เหมาะสม  และราคาที่ตั้งไว้สูงเกินสมควร  โดยหลายรายการตั้งราคาไว้สูงมาก และมีพฤติกรรมบางประการที่ส่อเจตนาการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ  หากไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้อง  แทนที่จะทำให้ ไทยเข้มแข็ง  สมเจตนารมณ์  จะกลับทำให้ประเทศชาติอ่อนแอลง 


นพ.บรรลุ กล่าวว่า สรุปประเด็นสำคัญดังนี้


1.งบ ประมาณสิ่งก่อสร้าง  มุ่งเน้นการสร้างความเจริญในตัวจังหวัด  แทนที่จะกระจายสู่อำเภอรอบนอก  ทำให้ช่องว่างของคุณภาพบริการสาธารณสุขระหว่างตัวจังหวัดและอำเภอรอบนอกถ่าง กว้างขึ้น  ประชาชนต้องหลั่งไหลเข้าไปรับบริการในตัวจังหวัดมากขึ้น  สร้างทั้งภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และ  เพิ่มความเสี่ยงระหว่างเดินทาง  โดยเฉพาะกรณีป่วยหนัก
2.งบประมาณสิ่งก่อสร้าง  มีความกระจุกตัวในบางจังหวัด  ในลักษณะ  มือใครยาวสาวได้สาวเอา  เช่น  จังหวัดราชบุรี  ซึ่งมีโรงพยาบาลระดับจังหวัดอยู่แล้วถึง 3 โรง  และยังมีโรงพยาบาลศูนย์อยู่อีก 1 โรง ทั้งที่ส่วนใหญ่  จังหวัดหนึ่งมีโรงพยาบาลระดับจังหวัดเพียงแห่งเดียว  ขณะที่  บางจังหวัดซึ่งขาดแคลนกลับได้รับการจัดสรรน้อย
3.งบประมาณครุภัณฑ์การ แพทย์  มีการจัดซื้อสิ่งไม่จำเป็น และราคาแพงจำนวนมาก   นอกจากเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุแล้ว  ยังเป็นภาระในการบำรุงรักษาในอนาคต  ครุภัณฑ์บางอย่าง หน่วยงานมิได้ต้องการหรือขอมา กลับจัดสรรให้โดยส่อเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ  นอกจากนั้น  ครุภัณฑ์การแพทย์เหล่านี้ล้วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น 4.งบประมาณส่วนใหญ่  มุ่งเน้นที่สิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์การแพทย์  โดยงบประมาณสำหรับการสร้างและพัฒนาบุคลากรไม่ได้สัดส่วน ทำให้สิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ที่ใช้เงินจำนวนมากจัดซื้อจัดจ้างไว้ ใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่า


นพ.บรรลุ กล่าวว่า สาเหตุของความบกพร่องผิดพลาด  ส่อไปในทางจะทำให้เกิดทุจริต สรุปสาระใหญ่ๆ ได้             2 ประการ ได้แก่ 1.ข้าราชการประจำอ่อนแอ  ปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวงที่ได้รับมอบหมายขาดความรับผิดชอบ  ไม่ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เท่าที่ควร  โครงการใหญ่ขนาดนี้  ปลัดกระทรวงควรลงไปดูแลเอง  และควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นดำเนินการ  รวมทั้งควรมีการกำหนดนโยบาย  และหลักเกณฑ์การพิจารณา  ทั้งในเรื่องการกระจายงบประมาณอย่างเหมาะสม  และการพิจารณากำหนดราคาที่สมควร  กลับปล่อยปละละเลย  ให้รองปลัดกระทรวงที่ได้รับมอบหมาย  (รองปลัดฝ่ายบริหาร)  ซึ่งอ่อนประสบการณ์  และมีความรู้ความสามารถไม่พอเพียง 


“รวม ทั้งไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่เท่าที่ควร  ปล่อยให้เป็นภาระของสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.)  ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานภายใน  มีผู้ปฏิบัติงานเพียง 53 คน มีแพทย์คนเดียว  รับผิดชอบงานใหญ่ขนาดนี้  ในขณะที่สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์  ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบการกำกับดูแลของรองปลัดกระทรวงฝ่ายบริหาร  มีข้าราชการปฎิบัติงานทั้งสิ้น 283 คน กลับปัดความรับผิดชอบ  อ้างว่ามีหน้าที่เพียงตรวจสอบยอดและหมวดเงินให้ตรงตามที่ได้รับจัดสรรเท่า นั้น” นพ.บรรลุ กล่าว


นพ.บรรลุ กล่าวว่า การที่ผู้บริหารระดับสูงไม่เป็นผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วยตนเอง  ประกอบกับการไม่มีคณะกรรมการมาร่วมพิจารณา  และไม่มีเกณฑ์วางไว้ งานจึงไม่มีระบบ  ใครจะของบอย่างไรก็ขอจะเปลี่ยนอย่างไรก็เปลี่ยน  ตามใจของผู้มีอำนาจ  นอกจากแสดงถึงการขาดความรับผิดชอบและขาดความรู้ความสามารถแล้ว  ยังส่อเจตนาไม่สุจริต  เอื้อให้มีการกระทำตามใจชอบ  และเปิดทางให้มีการทุจริตด้วย


นพ.บรรลุ กล่าวว่า สำหรับนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่อาจปัดความรับผิดชอบในความบกพร่อง  ส่อเจตนาไม่สุจริต  และการเปิดช่องทางให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นในสธ. ได้ ส่วนนายมานิต  นพอมรบดี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็ง  และไม่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  แต่มีพฤติกรรมก้าวก่าย  ล้วงลูก  กดดัน  ให้มีการจัดสรรงบประมาณเกินจำเป็นลงพื้นที่ของตน  รวมทั้งน่าเชื่อว่าอาจพัวพันเรื่องการฮั้วรถพยาบาลด้วย


นพ.บรรลุ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วมีข้อเสนอ ดังนี้

1.ควร มีการทบทวนการพิจารณาโครงการใหม่ทั้งหมด  ทั้งรายการสิ่งก่อสร้าง  รายการครุภัณฑ์การแพทย์  และรายการรถพยาบาล  ทั้งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  และกรมอื่นๆ โดยเฉพาะกรมการแพทย์  รวมทั้งโครงการพัฒนาบุคลากร  ซึ่งจะต้องได้สัดส่วนเหมาะสมกัน  ทั้งนี้  ควรดำเนินการโดยมุ่งคุณภาพ  เพื่อให้เกิดการสร้างความเข้มแข็งของประเทศอย่างแท้จริง  มิใช่ทำให้ประเทศชาติอ่อนแอลง  และสร้างปัญหาในระยะยาว  โดยปลัด สธ. จะต้องลงมาเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง  มีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างสมเหตุสมผล  โปร่งใส  ใช้บุคลากร สธ. ที่มีคุณภาพซึ่งมีอยู่มากช่วยกันทำ  เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน
2.ควรมีการสอบสวนข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ยังรับราชการและที่เกษียณอายุไปแล้วในกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการ กระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นความผิดที่ได้ทำมา  เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
3.ควรพิจารณาดำเนินการกับนักการเมือง ที่เกี่ยวข้องตาม  “กฎเหล็ก 9 ข้อ”  ของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี  ที่แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก  เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551  โดยเฉพาะในข้อ 2 ที่  “เน้นให้ยึดถือการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด”  และข้อ 9 ที่ระบุว่า  “ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้นมีมาตรฐานที่สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย”

 

“ใน การรายงานข้อมูลในนายกฯ รับทราบ ท่านได้สนใจซักถามข้อมูลเพิ่มเติมนานถึง 30 นาที ซึ่งท่านบอกว่าจะนำรายงานสรุปผลไปอ่านช่วงปีใหม่นี้ ส่วนจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หรือส่งเรื่องให้ปปช. สอบสวนต่อในเรื่องใดบ้างนั้น เป็นดุลยพินิจของท่านนายกฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป เชื่อว่าท่านมีวิจารณญาณตัดสินได้ ซึ่งคงจะได้เห็นหลังจากเทศกาลปีใหม่นี้ว่าท่านนายกฯ จะสั่งให้สธ. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบใครบ้าง เชื่อผมเถอะว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” นพ.บรรลุ กล่าว

 

นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการฯ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีความผิดชัดเจน แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือฝ่ายข้าราชการการเมือง มี 4 ราย ได้แก่
1.นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกรทะรวงสาธารณสุข ฐานความผิดบกพร่องต่อหน้าที่และไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นในสธ.ในฐานะเจ้ากระทรวง
2.นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานความผิดมีพฤติกรรมที่ส่อในการทุจริต คือ ไม่ดูแลโครงการไทยเข้มแข็งแต่ล้วงลูกดึงงบเข้าจังหวัดราชบุรี และนัดทานข้าวกับบริษัทเจ้าของรถยนต์ผู้ผลิตรถพยาบาล รวมถึงเครื่องพ่นฆ่ายุงลาย
3.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานความผิดมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตโดยนัดทานข้าวร่วมกับนายมานิต และผู้ประกอบการผลิตรถพยาบาล และ
4.นพ.กฤษดา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานความผิดเป็นผู้ล็อบบี้ให้มีการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด(ยูวี แฟน)


นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนข้าราชการประจำ มี 8 ราย ได้แก่
1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดสธ. ฐานความผิดบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะโครงการใหญ่ที่มีงบประมาณมากระดับ8.6 หมื่นล้านบาทกลับไม่ดูแลด้วยตนเอง เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้
2.พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัดสธ. ฐานความผิดไม่เอาใจใส่ต่อโครงการที่มีงบประมาณมาก โดยให้สำนักงานสาธารณสุขภูมิภาคที่มีผู้ทำงานกว่า 50 คนดูแล โครงการใหญ่ขนาดนี้ เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้
3.นายกสินทร์ วิเศษสินธุ์ อดีตผู้อำนวยการกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ขณะนี้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ฐานความผิดที่มีการปรับปรุงแบบแผนทำให้เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้
4. นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ ฐานความผิดจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ราคาแพงผิดสังเกต
5.นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน

             

นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนรายที่ 6-8 พบว่า บกพร่องต่อหน้าที่แต่ไม่มีหลักฐานว่ามีการทุจริต คือ
6.นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ในปัจจุบัน ฐานความผิดที่สมัยเป็นรองปลัดสธ.รับผิดชอบสบภ. แต่โครงการดังกล่าวเป็นหน้าที่ของพญ.ศิริพรดูแล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้
7.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์  ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ฐานความผิดที่รับผิดชอบการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งแต่ปัดความรับผิดชอบ ที่เกิดขึ้น อ้างว่าทำหน้าที่เพียงการตรวจสอบยอดการจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น
8.นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเขต 6 สมัยนั้นดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ ฐานความผิดให้โรงพยาบาลจัดซื้อเครื่องยูวีแฟนราคาแพง

 

พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ รองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า นักการเมือง โดยเฉพาะเป็นเจ้ากระทรวงต้องดูแล และรับผิดชอบภาระงานทุกอย่าง มีความรับผิดชอบระดับนี้แล้วจะนั่งดูดายไม่ได้ หากทำถูกต้องทุกอย่างจะสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ความรับผิดชอบของแต่ละคนก็ม่เหมือนกัน  แต่นายกฯ ต้องรับผิดชอบดำเนินการลงโทษคนผิดด้วยเพราะ นายกฯ เป็นคนแต่งตั้งคนเหล่านี้มาทำงาน ตั้งได้ก็ต้องถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ด้วยเช่นกัน ส่วนรัฐมนตรี หากหน้าบางก็ต้องลาออก อย่างสมัยตนมีปัญหาในรัฐสภา ผมก็ต้องลาออกเพราะไม่เหมาะสม ทั้งที่ตนทำไปเพื่อการป้องกันตัว

 

http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02dlf01281252&sectionid=0225&day=2009-12-28

--
http://www.pridiinstitute.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม